วิชาการเรียนรู้เรื่องกระฝ้า ตอนที่ 1 : ทบทวนข้อเท็จจริงพื้นฐานเกี่ยวกับกระฝ้า

กระฝ้าเป็นปัญหาที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่สวย และ ทุกคนยอมทุ่มเงินเพื่อหาวิธีรักษา แต่ความรู้ที่ถูกต้อง ทำให้กระฝ้ารักษาได้ผลมากขึ้น ในขณะที่ไม่เสี่ยงอันตรายจะเกิดกระฝ้าถาวรในภายหลัง





"กระ-ฝ้าสามารถรักษาหายขาดได้" ใช่หรือไม่ ?

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษากระฝ้าให้หายขาดนะครับ แต่สามารถลดความเข้มของสีกระ-ฝ้าให้จางลงได้ และถ้าดูแลเขาด้วยสารประกอบที่ถูกกับผิวของเรา (ย้ำว่า ที่ถูกกับผิวของเรานะครับ) ร่วมกับ การป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่จะกระตุ้นกระ-ฝ้าให้กระจายตัว

รับรองได้เลยว่า โอกาสที่ความเข้มของกระ-ฝ้าจะจางลงจนมองไม่เห็น ก็จะมีมากขึ้นครับ


ยาที่รักษากระ-ฝ้าได้ดีที่สุด คือ ไฮโดรควิโนน ใช่หรือไม่ ?

ถูกต้องครับ ไฮโดรควิโนน (HQ - Hydroquinone) เป็นสารกลุ่มอะโรมาติกอินทรีย์ ที่ได้ผลในการรักษาผิวที่เป็นกระฝ้าได้ดีที่สุด โดยตัวสารจะเข้าไป "ยับยั้ง" กระบวนการทางเคมีของเซลล์สร้างเม็ดสี เรียกกระบวนการนี้ว่า เมลาโนไซต์ (Melanocyte)

แต่ไฮโดรควิโนนเป็นสารอันตราย และ การใช้ที่ผิดพลาดจะทำให้ชั้นผิวเสียหายในระยะยาว (ย้ำนะครับว่า การใช้ที่ผิดพลาด ไม่ใช่ การใช้เฉย ๆ)

ประเทศไทย อนุญาตให้มีการใช้ไฮโดรควิโนนในรูปแบบยาครีม และ ยาเจล  ความเข้ม 2 และ 4 กรัม ต่อ ปริมาณครีม 100 กรัม (หรือ 2% และ 4%) โดยกำกับสรรพคุณยาเพื่อรักษากระ ฝ้า และ ขี้แมลงวันเท่านั้น

กฏหมายไทย ห้ามผู้ผลิตเครื่องสำอางค์ใส่สารไฮโดรควิโนนลงไป (ยา กับ เครื่องสำอางค์ ไม่เหมือนกัน) แต่อนุญาตให้แพทย์ / เภสัชกรสั่งจ่ายยานี้ได้ และ ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น


ยาไฮโดรควิโนนมีชื่อการค้าอื่นอีกไหม ?

มีครับ ,

ชื่อการค้า Delanin (เดลานิน)
ผู้ผลิต Charoon Bhesaj

ชื่อการค้า MelloDerm-HQ (เมลโลเดอร์ม-เฮชคิว)
ผู้ผลิต Berich

ชื่อการค้า Persatina (เพอร์ซาทินา)
ผู้ผลิต 2M (Med-Maker)

ชื่อการค้า Tri-Luma (ไตร-ลูมา)
ผู้ผลิต Galderma

(ข้อมูล : เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร)

หืม .. งั้นมาใช้ยาไฮโดรวิโนนดีกว่า หาซื้อบนเนตได้ ราคาถู๊ก ถูก

ได้ครับ , แต่ก่อนไปหาซื้อ ผมอยากให้จดจำไว้ 2 ข้อที่ผมแจ้งไว้ข้างต้น

  1. กระ-ฝ้ายังไม่มีกระบวนการทางการแพทย์ / ยา รักษาหายขาดได้ แม้จะใช้ยา / สาร / วิธี รุนแรงแค่ไหน ก็จะกลับมาเป็นซ้ำอีก และ ร่องรอยของมันมักจะมีสีเข้มเรื่อย ๆ หากไม่เข้าใจกระบวนการเกิดกระ-ฝ้านะครับ
  2. สารไฮโดรควิโนน ถูกประกาศให้เป็นสารอันตรายที่ก่อภาวะ "ผิวคล้ำมากขึ้น" บริเวณที่สัมผัสสาร และ รอยคล้ำนี้จะรักษาต่อไม่ได้

โอเค ไฮโรควิโนนน่ากลัว แล้วมีอะไรที่ดีกว่าไฮโดรควิโนนไหม ?

มีแน่นอนครับ แต่ผลที่ได้จะอ่อนกว่าไฮโดรควิโนน จึงต้องใช้เวลาที่นานกว่า "ไม่ทันใจ .. แต่ไม่นานเกินไปที่จะทันสวย"

แบบนี้โอเคกว่าไหมครับ :)

ที่สำคัญ สารจำนวนมากที่ใช้ทดแทนไฮโดรควิโนน "ยังมีความปลอดภัยสูง" และ ไม่เสี่ยงต่อภาวะ "ผิวคล้ำถาวร (หรือ ฝ้าถาวร)" อีกด้วย

สารทดแทนไฮโดรควิโนน ที่ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น


  1. อาร์บูติน (Arbutin)
    สารสกัดธรรมชาติจากพืช bearberry (เป็นต้นไม้พุ่มเตี้ยชนิดหนึ่ง) พบในสูตรยาโบราณของญี่ปุ่นด้วย และ อาร์บูตินชนิดอัลฟา (alpha-arbutin) ออกฤทธิ์ต่อผิวดีกว่า จึงนิยมใช้อาร์บูตินชนิดอัลฟาในครีมทาให้ผิวขาว 
  2. วิตามินซีและอนุพันธ์ 
    มีรายงานยืนยันผลจากการใช้อย่างแพร่หลายในเครื่องสำอางว่า วิตามินซีทำให้ผิวสว่างขึ้นได้  
  3. สารสกัดชะเอม (Licorice extract)
    ลดการเกิดผิวสีเข้มหลังได้รับรังสียูวีบี และลดอาการผิวไหม้แดง 
  4. สารสกัดจากใบหม่อน
  5. สารสกัดจากว่านหางจระเข้ 
    สาร Aloesin ซึ่งสกัดจากว่านหางจระเข้ สามารถกดการสร้างเม็ดสีได้ 
  6. สารสกัดจากใบโสม (Ginseng)
    สาร p-coumaric acid สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้
  7. สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko)
    มีสาร flavone glycosides ที่ส่วนใหญ่ คือ quercetin และ อนุพันธ์ของ kaempferol สารเหล่านี้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ทางเลือกของผู้บริโภคในการใช้สารทดแทนไฮโดรควิโนน คือ การใช้เวชสำอางค์ชั้นสูงที่เชื่อถือได้ และ มีประวัติยาวนานพอให้ผู้บริโภครู้จัก

ตอนต่อไป , ผมจะชวนมาทำความเข้าใจวิธีการรักษากระ-ฝ้าแบบประณีประณอม สิ้นเปลืองงบประมาณน้อยที่สุด และ ใช้เวลาน้อยที่สุด แต่ได้ผลมากที่สุดครับ

อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจเพื่ออัพเดทบทความเพื่อผิวพรรณนะครับ
facebook.com/serumchiangmai


หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ไลน์ไอดี serumchiangmai ครับ


S-ERUM CAE เซรัมอาหารผิว คือ เวชสำอางค์สูตรเอกสิทธิ์จากสหรัฐอเมริกา ที่ใช้สารทดแทนไฮโดรควิโนนหลากหลายชนิด ร่วมกับ สารสำคัญจากรากดอกไม้ซิโฟเนียสายพันธุ์เยอรมัน (กลุ่มพืชพุ่มเตี้ย) และ น้ำมันกีวีสกัดเข้มข้น (เพื่อใช้ละลายอนุพันธ์ของสารสำคัญ)

โดยพุ่งเป้าไปที่การใช้สารสกัดธรรมชาติจำนวนมากที่เข้มข้นในระดับพอดีในรูปเซรัมแบบครีม เพื่อลดกระบวนการสร้างเม็ดสีผิว อย่างปลอดภัย

เมื่อใช้ CAE ครีมรากไม้อย่างถูกต้อง ในปริมาณที่เหมาะสม และ ต่อเนื่อง 2-4 สัปดาห์ จะพบความแตกต่างของสีผิวระหว่าง "ก่อนใช้ " และ "หลังใช้" ได้ชัดเจนครับ

ทำความรู้จักผลิตภัณฑ์นี้เพิ่มเติม
https://www.serumchiangmai.com/s-erum-super-whitening-performance-cae.php



รูปประกอบ
Photo by Nathan Dumlao on Unsplash

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รวมรีวิวผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง S-ERUM โดยนายแทม

รีวิว S-ERUM moisturizing cream mask ครีมน้ำนมพอกหน้าใส Jack&Jill โดย นายแทม